ความมุ่งมั่น ความท้าทาย และโอกาส

กิจกรรมของ ช.การช่าง ครอบคลุมงานก่อสร้างและการลงทุนในโครงการสาธารณูปโภคขนาดใหญ่ มุ่งเน้นการใช้วัสดุคุณภาพสูง ประสิทธิภาพการใช้พลังงาน การอนุรักษ์ทรัพยากร การใช้วัสดุที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และควบคุมกระบวนการก่อสร้างอย่างเคร่งครัด

เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้มีส่วนได้เสีย เช่น ลูกค้า ชุมชน พนักงาน และนักลงทุน บริษัทให้ความสำคัญกับความปลอดภัย ความยั่งยืน และความเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมในทุกขั้นตอนลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและความเสี่ยงในการทำงาน สร้างสภาพแวดล้อมการทำงานที่ดี ลดต้นทุนการดำเนินงาน พร้อมเสริมสร้างชื่อเสียงและภาพลักษณ์ของบริษัท การรักษามาตรฐานคุณภาพช่วยเพิ่มความเชื่อมั่นและมูลค่าให้บริษัท ตอบสนองความต้องการของผู้มีส่วนได้เสียในระยะยาว

การสนับสนุนเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน

เป้าหมายที่ 11:
เมืองและชุมชนที่ยั่งยืน
เป้าหมายที่ 12:
การผลิตและการบริโภคที่ยั่งยืน
เป้าหมายที่ 13:
การรับมือกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ

ผู้มีส่วนได้เสียที่เกี่ยวข้อง

ชุมชนและประชาชน
ได้รับประโยชน์จากสิ่งแวดล้อมที่ดีขึ้น ส่งผลต่อการยกระดับคุณภาพชีวิตส่งเสริมสุขภาพ ความเป็นอยู่ที่ดี และเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของผู้อยู่อาศัย และลดมลพิษ แต่สินค้าอาจมีราคาสูงขึ้น
ลูกค้า
ได้สินค้าอาคารคุณภาพดีและปลอดภัยต่อสุขภาพ และมีมาตรฐานความปลอดภัยในระดับสูง
ผู้ถือหุ้น นักลงทุน และนักวิเคราะห์
เพิ่มความมั่นคงธุรกิจในระยะยาว ลดต้นทุนการดำเนินงาน สร้างมูลค่าและภาพลักษณ์ของบริษัท ดึงดูดนักลงทุน

เป้าหมายและผลการดำเนินงาน

เป้าหมาย
  1. เลือกใช้วัสดุที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมอย่างน้อย ร้อยละ 10 ของมูลการวัสดุของ โครงการ
  2. คอนกรีตต้องมีวัสดุรีไซเคิลไม่น้อยกว่า ร้อยละ 20 และวัสดุท้องถิ่นร้อยละ 100
  3. เหล็กเส้นและเหล็กรูปพรรณต้องมีวัสดุรีไซเคิลร้อยละ 90 และวัสดุท้องถิ่น ร้อยละ 90
  4. อิฐมวลเบาและอิฐมอญต้องมีวัสดุท้องถิ่น ร้อยละ 100
  5. ลดขยะจากการก่อสร้างตาม TREES NC Credit MR 2 ด้วยกระบวนการ reuse หรือ recycle ให้ได้อย่างน้อย ร้อยละ 50 ด้วยนํ้าหนักและปริมาตร

    (อย่างไรก็ตาม ทางทีมงานจะพยายามลดขยะให้ได้มากกว่า ร้อยละ 75)

ผลการดำเนินงาน
ปูนซีเมนต์มีวัสดุรีไซเคิล
ร้อยละ
เหล็กเส้น/รูปพรรณมีวัสดุรีไซเคิล
ร้อยละ
วัสดุก่อสร้างได้รับ
ฉลากเขียว
สีเคลือบ/สารยาแนวเป็นประเภท
Low Volatile organic Compounds (VOC)
พื้นกระเบื้องยางและไม้ลามิเนตได้รับมาตรฐาน
Floorscore
ประสิทธิภาพเครื่องปรับอากาศ
มากกว่า
3.7
(Coefficient of Performance)
น้ำยาเครื่องปรับอากาศเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
410A
หลอดไฟฟ้าเป็นแบบ
LED
(Light Emitting Diode)
ถังดับเพลิง
ไม่ใช้สาร CFC
(Chlorofluorocarbons)

แนวทางการจัดการและแนวปฏิบัติ

บริษัทปฏิบัติตามนโยบายการจัดการสิ่งแวดล้อม ส่งเสริมการก่อสร้างที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม (Green Construction) การรับมือกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ และการอนุรักษ์ความหลากหลายทางชีวภาพอย่างยั่งยืน

โดยมุ่งเน้นการบริหารจัดการห่วงโซ่อุปทานอย่างยั่งยืน จัดหาวัสดุจากแหล่งที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เลือกใช้วัสดุประหยัดพลังงาน และจัดทำแนวทางการนำวัสดุกลับมาใช้ใหม่หรือรีไซเคิล เพื่อลดการใช้วัตถุดิบใหม่และลดปริมาณของเสียจากกระบวนการก่อสร้าง นอกจากนี้ บริษัทมุ่งลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก หลีกเลี่ยงการใช้วัสดุก่อสร้างที่อาจปล่อยก๊าซระเหย (VOCs) และหลีกเลี่ยงวัสดุที่มีแร่ใยหิน (Asbestos) เพื่อช่วยลดการใช้ทรัพยากรธรรมชาติ แนวทางนี้ดำเนินตามหลักการประเมินวัฏจักรชีวิตผลิตภัณฑ์ (Life Cycle Assessment: LCA) ซึ่งวิเคราะห์ผลกระทบของวัสดุในทุกขั้นตอนของวงจรชีวิต บริษัทปฏิบัติตามมาตรฐานระบบบริหารคุณภาพ ISO 9001:2015 รวมถึงให้ความสำคัญกับการจัดซื้อและจัดจ้างตามคุณสมบัติที่ลูกค้ากำหนด และได้กำหนดให้ฝ่ายบริหารโครงการในทุกโครงการจัดทำระบบและแผนปฏิบัติงาน รวมถึงแผนดูแลเพื่อควบคุมและลดผลกระทบต่อชุมชนและสิ่งแวดล้อม นอกจากนี้ ยังมีระบบตรวจสอบคุณภาพอย่างต่อเนื่องและสม่ำเสมอ เพื่อรักษามาตรฐานคุณภาพและสร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้มีส่วนได้เสีย

ทั้งนี้ บริษัทได้กำหนดระยะเวลารับประกันคุณภาพงานก่อสร้าง 36 เดือน เพื่อสร้างความมั่นใจแก่ผู้ว่าจ้างและผู้ใช้งาน โดยมาตรฐานดังกล่าวครอบคลุมการตรวจสอบคุณภาพและการแก้ไขข้อบกพร่องที่อาจเกิดขึ้นหลังการก่อสร้าง ยืนยันถึงคุณภาพ ความแข็งแรง และความคงทนของโครงการอย่างมีประสิทธิภาพ


แนวทางการนำวัสดุกลับมาใช้ใหม่ และการเลือกใช้วัสดุที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม

คุณภาพวัสดุก่อสร้างเป็นปัจจัยสำคัญที่ส่งผลต่อความปลอดภัย ความทนทาน และประสิทธิภาพของโครงสร้าง ช.การช่าง ได้กำหนดมาตรฐานและแนวปฏิบัติในการทำงานแบบหล่อคอนกรีต (Formwork) เพื่อให้มั่นใจว่าวัสดุและกระบวนการก่อสร้างเป็นไปตามมาตรฐานความปลอดภัยและคุณภาพที่กำหนด

มาตรฐานและแนวทางการปฏิบัติ
การเลือกใช้วัสดุ กระบวนการควบคุมคุณภาพ
  • ใช้แบบหล่อคอนกรีตทั้งแบบไม้และแบบเหล็กตามความเหมาะสม
  • ควบคุมคุณภาพของน้ำยาทาแบบเพื่อให้สามารถถอดแบบออกได้ง่ายและรักษาพื้นผิวคอนกรีตให้เรียบ
  • ใช้อุปกรณ์สนับสนุน เช่น นั่งร้าน ค้ำยัน ตะปู และน็อต เพื่อเพิ่มความมั่นคงของโครงสร้าง
  • มีการคำนวณออกแบบงานแบบหล่อเพื่อให้รองรับน้ำหนักได้อย่างปลอดภัย
  • การติดตั้งค้ำยันและการต่อค้ำยันต้องปฏิบัติตามข้อกำหนดด้านความสามารถในการรับน้ำหนัก
  • ห้ามใช้วัสดุที่ชำรุดหรือส่งผลกระทบต่อคุณภาพของคอนกรีต
  • ต้องตรวจสอบและปรับระดับแบบหล่อเพื่อป้องกันการทรุดตัวของโครงสร้าง

ช.การช่าง ได้จัดทำแนวทางการการใช้วัสดุให้มีประสิทธิภาพมากที่สุดในการดำเนินงาน ทั้งการวางแผนการก่อสร้างอย่างเป็นระบบและการใช้วัสดุซ้ำให้ได้มากที่สุดบนพื้นฐานด้านความปลอดภัย โดยกระบวนต่าง ๆ เช่น การเคลือบไม้แบบด้วยสารเคมีถนอมเนื้อไม้หรือน้ำยาทาแบบ การก่อสร้างที่พักคนงานจากวัสดุเดิมที่ยังคงคุณภาพและความปลอดภัย เป็นต้น

ก่อนการก่อสร้าง
  • ตรวจสอบความแน่นหนาของแบบหล่อก่อนเรียงเหล็กเสริม
  • ทำความสะอาดแบบหล่อเพื่อป้องกันสิ่งแปลกปลอม
  • ห้ามวางวัสดุก่อสร้างทับบนแบบหล่อเพื่อป้องกันความเสียหาย
ระหว่างการก่อสร้าง
  • ติดตั้งอุปกรณ์ปรับระดับเพื่อป้องกันการเคลื่อนตัวของแบบหล่อขณะเทคอนกรีต
  • เฝ้าสังเกตความแข็งแรงของแบบหล่อระหว่างเทคอนกรีต หากพบการทรุดตัวให้แก้ไขทันที
หลังการก่อสร้าง
  • การถอดแบบหล่อต้องเป็นไปตามระยะเวลาที่กำหนด เช่น แบบข้างคาน เสา กำแพง และฐานรากต้องรอ 2 วันก่อนถอด
  • หลังถอดแบบ ต้องมีการค้ำยันเพิ่มเติมเพื่อรองรับน้ำหนักของโครงสร้าง
  • ทดสอบพื้นผิวคอนกรีตและดำเนินการแก้ไขหากพบข้อบกพร่อง

นอกจากนี้ บริษัทได้ริเริ่มการเก็บและวิเคราะห์ข้อมูลการใช้วัสดุ (Pilot Testing) ผ่านระบบ SAP: Controlling System เพื่อวิเคราะห์และพัฒนาการวางแผนการใช้วัสดุให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น โดยมีเป้าหมายในการขยายความครอบคลุมของระบบ SAP: Controlling System ร้อยละ 100 ภายหลังการสรุปผลโครงการนำร่องดังกล่าว


การใช้การวิเคราะห์วงจรชีวิต (LCA) ในการออกแบบผลิตภัณฑ์หรือระบบ

ช.การช่าง ใช้การวิเคราะห์วงจรชีวิต (Life Cycle Assessment: LCA) เป็นเครื่องมือสำคัญในการประเมิน วิเคราะห์ และรายงานผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมในทุกขั้นตอนของวงจรชีวิตผลิตภัณฑ์หรือระบบในงานก่อสร้าง ตั้งแต่การจัดหาวัสดุ การผลิต การขนส่ง การใช้งาน ไปจนถึงการกำจัดทิ้ง โดยการใช้ LCA ช่วยให้สามารถวางแผนและออกแบบที่คำนึงถึงการลดการใช้ทรัพยากรและพลังงาน ลดของเสียและมลพิษ พร้อมทั้งสนับสนุนการเลือกใช้วัสดุที่ยั่งยืน เช่น วัสดุรีไซเคิลหรือวัสดุที่ลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม เป็นต้น อีกทั้งยังนำข้อมูลจาก LCA มาปรับปรุงกระบวนการก่อสร้างและการจัดการขยะอย่างเป็นระบบ สนับสนุนเป้าหมายการพัฒนาอย่างยั่งยืน (SDGs) และเสริมศักยภาพในการแข่งขัน พร้อมสร้างสมดุลระหว่างการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานและการปกป้องสิ่งแวดล้อมในระยะยาวว

การตั้งเป้าหมาย

ในปี 2567 ได้ดำเนินการก่อสร้างโครงการ หอศิลปวัฒนธรรมเมืองน่าน และแหล่งเรียนรู้ศิลปวัฒนธรรมล้านนาตะวันออก โดยให้ความสำคัญกับการพัฒนาอย่างยั่งยืน ครอบคลุมทั้งด้านสังคมและสิ่งแวดล้อม โดยเฉพาะการใช้วัสดุรีไซเคิล และ วัสดุท้องถิ่น (Regional Material) ในสัดส่วนที่กำหนด

ตัวชี้วัด/เป้าหมาย ผลการดำเนินงาน 2567 การรับรอง
  • เลือกใช้วัสดุที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม อย่างน้อย ร้อยละ 10 ของมูลการวัสดุของโครงการ
  • คอนกรีตต้องมีวัสดุรีไซเคิลไม่น้อยกว่า ร้อยละ 20 และวัสดุท้องถิ่นร้อยละ 100
  • เหล็กเส้นและเหล็กรูปพรรณต้องมีวัสดุรีไซเคิล ร้อยละ 90 และวัสดุท้องถิ่น ร้อยละ 90
  • อิฐมวลเบาและอิฐมอญต้องมีวัสดุท้องถิ่น ร้อยละ 100
  • ลดขยะจากการก่อสร้างตาม TREES NC Credit MR 2 ด้วยกระบวนการ reuse หรือ recycle ให้ได้อย่างน้อย ร้อยละ 50 ด้วยนํ้าหนักและปริมาตร (อย่างไรก็ตาม ทางทีมงานจะพยายามลดขยะให้ได้มากกว่า ร้อยละ 75)

ช.การช่าง สามารถดำเนินการได้สอดคล้องตามตัวชี้วัดและเป้าหมายที่กำหนดตามข้อตกลงในสัญญาจัดซื้อจัดจ้าง ผ่านการตรวจสอบ Material Checklist นอกจากนี้ ยังมีการตรวจสอบวัสดุที่เกี่ยวข้องกับข้อกำหนดทางด้านสิ่งแวดล้อมอื่น ๆ

  • ปูนซีเมนต์มีวัสดุรีไซเคิลร้อยละ 20
  • เหล็กเส้น/รูปพรรณมีวัสดุรีไซเคิลร้อยละ 20
  • วัสดุก่อสร้างได้รับฉลากเขียว
  • สีเคลือบ/สารยาแนวเป็นประเภท Low Volatile organic Compounds (VOC)
  • พื้นกระเบื้องยางและไม้ลามิเนตได้รับมาตรฐาน Floorscore
  • ประสิทธิภาพเครื่องปรับอากาศ (Coefficient of Performance) มากกว่า 3.7
  • น้ำยาเครื่องปรับอากาศเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม (410A)
  • หลอดไฟฟ้าเป็นแบบ LED (Light Emitting Diode)
  • ถังดับเพลิงที่ไม่ใช้สาร CFC (Chlorofluorocarbons)
  • ฉลากเขียวและฉลากคาร์บอนของไทย
  • การตรวจสอบโดยผู้ตรวจรับงาน ซึ่งมีการตรวจสอบคุณภาพโดยผู้เชี่ยวชาญ เรื่อง Material Checklist